ปี 2563 โลกได้ประสบกับภาวะการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (Covid-19) อย่างรุนแรง อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนนับจากเหตุการณ์การระบาดของไข้หวัด SARS และ MERS ที่มีการระบาดน้อยกว่ามากและสามารถควบคุมได้ในระยะสั้น แต่ในการระบาดของเชื้อ Covid-19 ในครั้งนี้ ทั่วโลกยังไม่สามารถควบคุมได้ มีประชาชนติดเชื้อมากกว่า 64 ล้านคน และเสียชีวิตกว่า 1.5 ล้านคน ตั้งแต่เริ่มมีการติดต่อของโรค ในปลายปี 2562 จนถึงปลายปี 2563 และได้ส่งผลให้ต้องใช้มาตรการการควบคุมขั้นสูงสุด เช่น การประกาศการปิดน่านฟ้า ห้ามทำการบินระหว่างประเทศ การห้ามการเดินทางระหว่างเมือง การห้ามการชุมนุม การปิดบริการใน สถานที่ต่างๆ การกักกันโรค การฆ่าเชื้อ ตามมาตรการการป้องกันด้านสาธารณสุขขั้นสูงสุด เพื่อป้องกันการระบาด ซึ่งยังคงได้ผลเพียงบางประเทศเท่านั้น ทั้งยังมีความพยายามในการพัฒนาวัคซีนโดยองค์กรต่างๆ แต่ยังต้องใช้เวลาในการทดลองตามขั้นตอน ซึ่งน่าจะสามารถเริ่มนำมาใช้จริงได้ในปี 2564 นอกจากนั้น สภาวะการแข่งขันระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนในด้านการค้า และการเมืองที่เริ่มเข้าขั้นรุนแรง ก็ยังเป็นปัจจัยด้านลบที่ทำให้สภาวะเศรษฐกิจโลก และในหลายประเทศมีสภาวะถดถอยอย่างหนัก ซึ่งส่งผลให้มีอัตราการตกงานอย่างมาก การค้าระหว่างประเทศลดลง การท่องเที่ยวเสียหายอย่างหนัก การบิน การขนส่ง และอีกหลายกิจการประสบภาวะล้มละลาย สำหรับประเทศไทยซึ่งรัฐบาลมีความตื่นตัวที่รวดเร็วและตอบสนองกับการระบาดของโรคได้ทันท่วงที โดยการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และกำหนดมาตรการต่างๆ ในการควบคุมอย่างเข้มงวด และที่สำคัญด้วยความร่วมมือร่วมใจของประชาชนทั้งประเทศ ที่เชื่อฟัง และให้ความร่วมมือในด้านสาธารณะสุข ทำให้ประเทศไทยสามารถควบคุมการระบาดของโรคได้เป็นอย่างดียิ่ง จนอยู่ในระดับที่สามารถผ่อนคลายให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการบริการต่างๆ ภายในประเทศจนเกือบอยู่ในภาวะปกติในรูปแบบ New Normal แต่ยังคงการปิดน่านฟ้า และชายแดนเพื่อป้องกันการระบาดจากภายนอกราชอาณาจักร ซึ่งแน่นอนว่าได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างมาก โดยทางสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้ประมาณการว่าอัตราการเจริญเติบโต (GDP) ในปี 2563 นี้จะติดลบร้อยละ -6 แต่จะกระเตื้องขึ้นในปี 2564 ในอัตราร้อยละ 3.5-4.5

จากสภาวการณ์ดังกล่าว บริษัทได้ประเมินความเสี่ยง และมีมาตรการต่างๆ ในการรองรับ ทั้งใน ระดับนโยบายของแผนการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง (Business Continuity Plan) และการปฏิบัติงาน ทั้งในที่ทำการก่อสร้าง และสำนักงาน ให้มีข้อกำหนดและการปฏิบัติที่สอดคล้องกับมาตรการและประกาศ จากภาครัฐ และมาตรการเสริมต่างๆ เพื่อให้หน่วยงานมีการปฏิบัติอย่างรอบคอบรัดกุมทำให้บริษัทสามารถดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับนโยบายของภาครัฐที่มุ่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านต่างๆ เช่น ด้านคมนาคม ทั้งทางบก ทางน้า และทางอากาศ รวมถึง การลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor) ที่ขยายตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีความล่าช้าอันเนื่องมาจากการที่ภาครัฐต้องใช้เวลาในการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินจากโรคระบาด ทำให้งานหลายโครงการมีความล่าช้าในการประมูล การลงนามสัญญา และเริ่มก่อสร้างโครงการ อย่างไรก็ตาม กลุ่มของการก่อสร้างภาครัฐที่เพิ่มขึ้นจากโครงการขนาดใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านคมนาคม ที่มีผลการประมูลแล้ว และเริ่มการก่อสร้างหลายโครงการ เช่น รถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้า รถไฟรางคู่ มอเตอร์เวย์ ท่าเรือ และ สนามบิน ส่งผลให้แนวโน้ม และทิศทางการก่อของสร้างภาครัฐจะเติบโตในอัตราสูงในปีนี้เมื่อเทียบกับภาคเอกชน ขณะที่การก่อสร้างภาคเอกชนชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด อันเนื่องมาจากการเลื่อนโครงการ หรือปัญหาด้านการเงิน ทั้งในส่วนของตลาดที่อยู่อาศัย การพาณิชย์ และอุตสาหกรรมการผลิตต่างๆ

สำหรับภาคการก่อสร้างประเทศไทยจนถึงไตรมาสที่ 3 มีการขยายตัวขึ้นเล็กน้อย ซึ่งมาจากภาครัฐเป็นตัวนา ส่วนการก่อสร้างที่อยู่อาศัยชะลอตัวลง มีการเปิดตัวของโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล นอกจากนี้โครงการก่อสร้างด้านพาณิชย์ แม้ว่าจะมีการเริ่มก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ขึ้นในเขตกรุงเทพมหานคร แต่ยังขยายตัวน้อยมากในต่างจังหวัด ดรรชนีราคาวัสดุก่อสร้างลดลงร้อยละ -1.7 ราคาเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กที่ลดลงร้อยละ -8.1 และคอนกรีตลดลงร้อยละ -2.2

บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะนำองค์กรให้ “เป็นบริษัทก่อสร้างไทยขนาดใหญ่ 1 ใน 5 ของประเทศมีมาตรฐานระดับสากล มั่นคง และยั่งยืน ควบคู่กับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม” โดยในปีนี้ได้ประสบผลสำเร็จในการประมูลงานใหม่ จนมีงานรอส่งมอบ (Backlog) สูงสุดเป็นประวัติกาล ส่งผลให้บริษัทมีความสามารถในการ สร้างรายได้ไปอีกสามปีข้างหน้า คณะกรรมการบริษัทมีปณิธาน และมุ่งมั่นพยายามที่จะสร้างการเติบโตขององค์กรอย่างต่อเนื่อง และมีกำไรที่มั่นคงในระยะยาว เพื่อให้สามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจให้กับผู้ถือหุ้น ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย และสร้างคุณค่าให้กับเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ รวมทั้ง มีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อให้บริษัทมีแนวทางและการดำเนินกิจการด้วยความเจริญมั่นคงและยั่งยืน โดยสอดคล้อง กับสถานการณ์และสิ่งแวดล้อม รวมถึงลักษณะการประกอบธุรกิจและการบริหารงานของบริษัทในปัจจุบัน โดยปี 2563 บริษัทมีอันดับในการกำกับดูแลกิจการเป็นระดับ 4 ดาว (Corporate Governance Rating 4 Star) และได้รับการรับรองด้านการต่อต้านการทุจริต จากโครงการแนวร่วมการต่อต้านการทุจริตภาคเอกชนไทย (Private Sector Collective Action against Corruption: CAC) นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทได้มีการติดตามกำกับดูแลให้ฝ่ายบริหารดำเนินงานด้านต่างๆ ด้วยความระมัดระวัง รอบคอบ และรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย อย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลบริหารปัจจัยแวดล้อมด้านต่างๆ ที่ท้าทายการดำเนินงานเป็นระยะๆ เพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้และเป็นอุปสรรคน้อยที่สุด

สำหรับทิศทางของบริษัท ยังคงดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเป็นหลัก และเน้นรับงานโครงการ ขนาดใหญ่จากทางภาครัฐ ที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ ขณะเดียวกันก็จะติดตามงานทางภาคเอกชนทั้งในประเทศและกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน CLMV กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ที่มีสถาบัน เช่น World Bank ADB JICA NEDA ฯลฯ ให้การสนับสนุน ซึ่งกำลังมีการเจริญเติบโตสูง นอกจากนี้ บริษัทได้มีการดำเนินธุรกิจ การผลิตผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป ที่มีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยจากยุโรป และขยายกำลังการผลิตสำหรับ การรองรับการขยายตัวของตลาดในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor) ที่จะเป็นศูนย์กลางของการเจริญเติบโตของประเทศต่อไป ส่วนธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ จะเน้นกลยุทธ์ การมุ่งเข้าสู่ช่องว่างทางการตลาดที่ยังมีความต้องการและอัตราการเติบโตที่ดี ในปี 2564 บริษัทได้กำหนดเป้าหมายองค์กรเพื่อเป็นกรอบและแนวทางในการดำเนินงานตามวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ของบริษัท โดยจะเดินหน้าพัฒนาและปรับปรุงองค์กรให้มีศักยภาพในระดับสากลเพื่อเสริมสร้างรากฐานให้แข็งแกร่ง รองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการแข่งขันที่จะเข้มข้นขึ้น โดยบริษัทจะส่งเสริมพัฒนาจุดแข็ง ปรับปรุงกระบวนการทำงานในด้านต่างๆ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ทั้งในการก่อสร้าง การผลิต และการจัดการ รวมถึงการบริหารความเสี่ยงให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพิ่มขึ้น มีการควบคุมต้นทุนและคุณภาพของวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงต้นทุนด้านแรงงานพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงานให้ดีขึ้น เพื่อให้ได้คุณภาพและมาตรฐานที่สามารถตอบสนองความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า ในขณะที่บริษัทยังสามารถทำกำไรอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมได้ รวมทั้งส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรซึ่งถือเป็นทรัพยากรอันมีค่าและหัวใจสำคัญของการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัทอย่างต่อเนื่องทั้งความรู้ทางด้านเทคนิคและการบริหารจัดการ รวมทั้งปลูกจิตสำนึกในความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

คณะกรรมการบริษัท ผู้บริหาร พนักงาน และบริษัทในเครือ ขอขอบพระคุณท่านผู้ถือหุ้น ผู้ถือหุ้นกู้ คู่ค้า ลูกค้า ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ตลอดจนประชาชนและสังคมที่ได้ให้ความไว้วางใจและสนับสนุนการดำเนินงาน ของบริษัทด้วยดีเสมอมา พวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะยังคงได้รับเกียรติ ความไว้วางใจและการสนับสนุนที่ดี เช่นนี้ต่อไปและขอให้ทุกท่านเชื่อมั่นว่าพวกเราจะสานต่อความมุ่งมั่น และทุ่มเทในการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบ รัดกุม โปร่งใส ยึดมั่นในหลักบรรษัทภิบาล และการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย เป็นองค์กรที่เจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืนควบคู่กับประเทศไทยตามวิสัยทัศน์ของบริษัท

ขอแสดงความนับถือ
(นายประเสริฐพันธุ์ พิพัฒนกุล)
ประธานกรรมการ

ข้อมูลราคาหลักทรัพย์